จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของปุ๋ยน้ำชีวภาพ

ประโยชน์ของปุ๋ยน้ำชีวภาพในการเกษตร

• ช่วยปรับสภาพความเป็นกรด – ด่าง ในดินและน้ำ

• ช่วยแก้ปัญหาจากศัตรูพืชและโรคระบาดต่างๆ

• ช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำ และให้อากาศอย่างเหมาะสม

• ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุในดินให้เป็นอาหารแก่พืช พืชสามารถ

ดูดซึมไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องใช้พลังงานมากเหมือนการใช้ปุ๋ยเคมี

• ช่วยสร้างโฮโมนพืช พืชจะให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี และคงทนสามารถ

เก็บได้นาน

• ช่วยกำจัดน้ำเสียภายในฟาร์ม ได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์

• ช่วยป้องกันอหิวาห์และโรคระบาดต่างๆ ในสัตว์ แทนการใช้ยาปฏิชีวนะ

และอื่นๆ ได้

• ช่วยกำจัดแมลงวันโดยการตัดวงจรชีวิตของหนอนแมลงวัน ไม่ให้เข้าดักแด้

เป็นตัวแมลงวัน

• ช่วยเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์แข็งแรงมีความต้านทานโรค

ให้ผลผลิตสูง อัตราตายต่ำ

• ช่วยรักษาสภาพน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำให้สะอาดนานกว่าปกติ โดยช่วยย่อยสลาย

มูล และ อาหารที่เหลือกินของสัตว์น้ำ พร้อมสร้างแพลงตอน ซึ่งเป็นอาหารเสริม

ของสัตว์เลี้ยง

ประโยชน์ของปุ๋ยน้ำชีวภาพในครัวเรือน

นอกเหนือจากการใช้ประโยชน์ในการเกษตรแล้ว เรายังสามารถนำน้ำชีวภาพมาใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้คือ

• ราดส้วมที่มีกลิ่นเหม็น จะช่วยเร่งการย่อยสลายกากอาหารทำให้หมดกลิ่นเหม็น

• ราดท่อระบายน้ำอ่างล้างจาน เพื่อย่อยสลายคราบไขมันและกลิ่นบูดเน่า

• นำน้ำชีวภาพตามสูตรสารไล่แมลง เพื่อฉีดพ่นมดและแมลงสาบภายในบ้าน โดยใช้น้ำหมักที่ได้จากการหมักจากเปลือกผลไม้ หรือผลไม้ดิบ เช่น มะละกอ

สับปะรด มะม่วง หรือสมุนไพร เช่น สะเดา

• ใส่ตู้ปลาเพื่อย่อยสลายขี้ปลาและเศษอาหาร

• ผสมน้ำอาบให้สัตว์เพื่อกำจัดกลิ่น และผสมในน้ำดื่มให้สัตว์เลี้ยงกิน

วิธีทำปุ๋ยหมักชีวภาพ



ปุ๋ยหมักชีวภาพคือ ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผ่านกระบวนการหมักกับน้ำเอนไซม์ ช่วยในการปรับปรุงดิน ย่อยสลายอินทรียวัตถุในดินให้เป็นอาหารแก่พืช วัสดุทำปุ๋ยหมักชีวภาพ
น้ำเอนไซม์ 1 + น้ำตาล 1 + น้ำ 100
รดบนกองปุ๋ยแต่ละชั้นความชื้น 30%
แกลบสด 1 กิโลกรัม
แกลบดำ 1 กิโลกรัม
มูลสัตว์ต่าง ๆ กากถั่วต่าง ๆ ขี้เลื่อย ขุยมะพร้าว 3 กิโลกรัม
รำละเอียด 1 กิโลกรัม
ขยะสดต่าง ๆ 1 กิโลกรัม
อินทรียวัตถุที่หาได้ในพื้นที่ หญ้าแห้ง ฟาง ใบไม้ 1 กิโลกรัม วิธีทำ
1. ผสมน้ำเอนไซม์ น้ำตาล และน้ำ ในถังพลาสติก แล้วใช้บัวรดน้ำตักรดทีละชั้น
2. เกลี่ยกองปุ๋ยหมักบนพื้นให้หนาประมาณ 1 ศอก คลุมด้วยกระสอบป่านหรือกระสอบปุ๋ย หรือคลุมด้วยแกลบสด หรือฟาง เพื่อไม่ให้ถูกแสงแดดประมาณ 5 วัน ตรวจดูความร้อนในวันที่ 2 หรือ 3 ไม่ต้องกลับกองปุ๋ย ถ้าปุ๋ยกองใหญ่มากใช้เวลา 20 วัน
3. บรรจุปุ๋ยหมักชีวภาพที่คลุกเคล้ากันดีแล้ว ในกระสอบปุ๋ย สามารถเก็บไว้นานเป็นปี
ปุ๋ยหมักชีวภาพที่ได้จะประกอบด้วยจุลินทรีย์ สารอินทรีย์ต่าง ๆ ที่มีสารอาหารเหมาะสำหรับพืชนำไปใช้ทันที ปุ๋ยหมักชีวภาพที่ดีจะมีกลิ่นหอม มีใยสีขาวของเชื้อรา ในระหว่างการหมักถ้าไม่เกิดความร้อนแสดงว่ามีข้อผิดพลาด อุณหภูมิในการหมักที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 40-50 องศาเซลเซียส ถ้าให้ความชื้นสูงเกินไป จะเกิดความร้อนนานเกินไป ฉะนั้นความชื้นที่ให้พอดีประมาณ 30% วิธีใช้
1. ผสมปุ๋ยหมักชีวภาพกับดินในแปลงปลูกผักทุกชนิดในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อ 1 ตารางเมตร
2. พืชผักอายุเกิน 2 เดือน เช่น กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แตง ฟักทอง ควรใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพคลุกกับดินรองก้นหลุมก่อนปลูกกล้าผักประมาณ 2 กำมือ รดน้ำให้ชุ่ม ๆ
3. ไม้ผลควรรองก้นหลุมด้วยเศษหญ้า ใบไม้แห้ง ฟาง และปุ๋ยหมักชีวภาพ 1 กิโลกรัม สำหรับไม้ผลที่ปลูกแล้วใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพ แนวทรงพุ่ม 2 กำมือต่อ 1 ตารางเมตร แล้วคลุมด้วยหญ้าแห้ง ใบไม้แห้ง ฟาง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
4. ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้กระถาง ควรใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพ เดือนละ 1 ครั้งต่อ 1 กำมือ ใช้ 1 กิโลกรัม ต่อ 2x3 ตารางเมตร
ปุ๋ยหมักชีวภาพใช้เวลาสลายสารอาหารสำหรับพืชเร็วกว่าปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก เมื่อใส่ลงดินที่มีความชื้นพอเหมาะ เชื้อจุลินทรีย์ที่ได้ปุ๋ยหมักชีวภาพจะทำหน้าที่ย่อยสลายอินทรียวัตถุในดินให้เป็นประโยชน์ต่อต้นไม้
จึงไม่จำเป็นต้องให้ในปริมาณมาก ๆ และในดินควรมีอินทรีย์วัตถุพวกปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หญ้าแห้ง ใบไม้แห้ง ฟาง และมีความชื้นเพียงพอ ต้นพืชจึงจะได้ประโยชน์เต็มที่จากการใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพ
แต่ถ้าใส่ครั้งละมากเกินไปอาจทำให้ต้นไม้ตายได้ ส่วนจะให้ครั้งละปริมาณเท่าไร บ่อยครั้งเท่าไร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น กรุณาประมาณและสังเกตความเหมาะสมด้วย ปุ๋ยดินหมักชีวภาพสำหรับเพาะต้นกล้า
วัสดุที่ใช้
1. ดินแห้งทุบให้ละเอียด ใช้ดินได้ทุกชนิด 5 ส่วน
2. ปุ๋ยคอกแห้งทุบละเอียด 2 ส่วน
3. แกลบดำ 2 ส่วน
4. รำละเอียด 2 ส่วน
5. ขุยมะพร้าวหรือขี้เค้กอ้อย 2 ส่วน
6. น้ำเอนไซม์ 1 + น้ำตาล 1 + น้ำ 100 คนให้เข้ากัน วิธีทำ
1. ผสมวัสดุทั้งหมด คลุกเคล้าจนเข้ากันดี
2. รดด้วยน้ำเอนไซม์ที่ผสมแล้ว บนกองวัสดุให้ความชื้นพอประมาณ กำแล้วใช้นิ้วดีดแตก ไม่ให้แฉะเกินไป
3. เกลี่ยบนพื้นซีเมนต์ให้กองหนาประมาณ 1 ศอก คลุมด้วยพลาสติก หรือกระสอบป่าน หมักไว้ 5 วัน จึงนำไปใช้ได้
4. ปุ๋ยดินหมักชีวภาพที่ดีจะมีราสีขาวเกิขึ้น มีกลิ่นหอม สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน ๆ
วิธีใช้
1. ผสมปุ๋ยดินหมักชีวภาพกับดินแห้งทุบละเอียดและแกลบดำอย่างละเท่า ๆ กัน คลุกจนเข้ากันดี เพื่อนำไปกรอกถุง หรือถาดเพาะกล้า หรือนำไปใส่ในแปลงสำหรับเพาะกล้า จะช่วยให้ได้ต้นกล้าที่เจริญเติบโตสมบูรณ์แข็งแรง
2. นำไปเติมในกระถางต้นไม้ดอกไม้ประดับได้ดี กระถางละ 2 กำมือ



วิธีการทำไข่เค็มให้อร่อย

การทำไข่เค็ม
ไข่เค็มเป็นอาหารพื้นบ้านของคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นที่นิยมในการบริโภคของคนไทย ในทุกๆภาค การผลิตไข่เค็มนั้นก็มีขั้นตอนที่ไม่ยากซับซ้อนในการทำ จึงเหมาะสมที่จะส่งเสิรมวิชาการ ทำไข่เค็มให้เป็นที่แพร่หลายสำหรับบุคคลต่างๆ ที่มีความสนใจในวิชาการทำไข่เค็มนี้


อุปกรณ์ใน การทำไข่เค็ม
1. ขวดโหลแก้ว
2. หม้ออลูมิเนียม
3. ตะกร้า
4. กะละมัง
วิธีทำ
1. ล้างไข่เป็ดให้สะอาดฟักไว้ให้แห้ง
2. ต้มเกลือกับน้ำให้เดือด ยกลงกรองทิ้งไว้ให้เย็น
3. เรียงไข่เป็ดที่ล้างไว้ในขวดโหล ที่จะดอง เทน้ำเกลือที่ต้มไว้ลงไปจนท่วมไข่ ใช้ไม้ขัดหรือถุงพลาสติกใส่น้ำ กดไข่ให้จมในน้ำเกลือตลอดเวลา ปิดฝาขวด เก็บไว้ประมาณ 2 สัปดาห์
4. นำมาต้มประมาณครึ่งชั่วโมง ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น นำมารับประทานได้
หมายเหตุ
1. สูตรที่ให้นี้เรียกว่าหนึ่งต่อสาม คือ เกลือ 1 น้ำ 3 ใช้เวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นสูตรที่รับประทานได้เร็ว
2. ถ้าไม่รีบใช้สูตรหนึ่งต่อสี่ก็ได้ คือ เกลือ 1 น้ำ 4 ใช้เวลา 3 สัปดาห์


ขั้นตอนการทำดอกกุหลาบง่ายๆ จากกระดาษย่น

 




อุปกรณ์การทำดอกกุหลาบ
  • กระดาษย่นสองหน้าสีที่ต้องการ
  • ใบสำเร็จรูป
  • ก้านดอกสำเร็จรูปหรือ จะใช้ลวดแทนก็ได้
  • เทปพันก้านดอก หรือ ฟอรัลเทปสีเขียวแก่
  • ด้าย
  • กรรไกร
  • กระดาษแข็ง



ดินสอ ยางลบ ปากกาเอาไว้วาดกลีบดอก


มาเริ่มจากการสร้างแบบกลีบดอกกันก่อน สร้างรูปหัวใจสองขนาดที่แตกต่างกัน หรือจะสามก็ได้ถ้าขยันวาด



ตัดด้านล่างของรูปหัวใจออก แล้วนำแบบไปทาบวาดลงบนกระดาษย่นที่เตรียมไว้ ในที่นี้เราใช้กลีบเล็ก 4 กลีบ กลีบใหญ่ 5 กลีบ รวมเป็นหัวใจ 9 ดวง


ตัดตามรูปทรงที่วาดไว้



จากนั้นตัดกระดาษสีเหลี่ยม สัก 2x2 นิ้ว และเก็บเศษที่เหลือๆ ไว้เพื่อทำเป็นเกสร



ขยำกระดาษเศษที่เหลือใส่ไปด้านใน



แล้วนำไปมัดไว้ที่ก้านดอกเพื่อทำเป็นเกสร ตรงนี้จะจบจีบเป็นสามเหลี่ยมก็ได้ เอาด้ายพันๆ เพื่อไม่ให้หลุดออกจากก้าน ด้ายที่พันไม่ต้องตัดไว้พันกลีบดอกต่อ


จากนั้นก็ทำกลับดอก โดยการม้วนส่วนเว้าของหัวใจด้านในออกมาทั้งสองข้าง แบบในรูป



จากนั้นดึงส่วนตรงกลางให้ป่องออก จะได้กลีบดอกที่พร้อมจะประกอบ


นำกลีบดอกไปประกอบกับเกสร



ซ้อนเป็นชั้นๆ สับหว่างกันไป เริ่มจากลีบที่มีขนาดเล็กก่อน แล้วค่อยตามด้วยกลีบขนาดใหญ่



เสร็จแล้วก็ตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง



ส่วนใบ ก็นำแต่ละใบมาประกอบกัน หรือจะใช้แบบสำเร็จรูปก็ได้ แต่วันที่ไปซื้อมีแต่แบบนี้ หรือถ้าไม่ทำแบบนี้จะใช้ใบใหญ่ใบเดีี่่ยวก็ได้



จากนั้นก็นำใบมาติดกับก้านดอก ใช้เชือกมัดไว้



ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำเอาเทปพันก้านดอกมาพันจากบนลงล่าง เพื่อปิดรอยด้ายและเพิ่มความสวยงาม


วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำดอกไม้จากผ้าใยบัว

การทำดอกไม้จากผ้าใยบัว
 ผ้าใยบัวหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ผ้าเชอรี่ล่อนถือเป็นวัสดุแปรรูปซึ่งปัจจุบันมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อผู้ประกอบวิชาชีพการทำดอกไม้ประดิษฐ์ เพื่อใช้เป็นของประดับตกแต่งบ้าน หรือ สำนักงาน รวมถึงการนำไปเป็นของขวัญของฝากให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ในเทศกาลสำคัญๆ เช่น เทศกาลปีใหม่ ฯลฯ
การประดิษฐ์ดอกไม้จากผ้าใยบัวเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่ง ที่มีความสวยงาม และหลากหลายรูปแบบ เช่น ดอกไม้ หรือตุ๊กตา ของชำร่วยต่าง ๆ ในที่นี้จะเน้นเฉพาะในรูปแบบการประดิษฐ์ดอกไม้ชนิดต่าง ๆ
การใช้ผ้าใยบัวประดิษฐ์ดอกไม้ ทำได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้แบบประยุกต์ ดัดแปลง หรือ ดอกไม้ที่เลียนแบบธรรมชาติ จากผ้าใยบัว หรือถุงน่อง
ประโยชน์ของการทำดอกไม้จากผ้าใยบัว ซึ่งนอกจากจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อหาของขวัญให้มิตรสหาย หรือญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ในโอกาสต่าง ๆ แล้วยังได้ฝึกทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ของตัวผู้ทำ ผู้รับย่อมได้รับความรู้สึกดี ๆ และความประทับใจ เนื่องจากผู้ให้ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง และจากความคิดสร้างสรรค์ ประสบการณ์ที่ทำไปในระยะหนึ่ง จะก่อให้ผลงานชิ้นอื่น ๆ ที่เราได้คิดค้นทดลองทำด้วยตนเองต่อไปอีกเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด และยังเป็นงานอดิเรกที่สามารถทำได้ในเวลาว่างจากงานประจำ อาจผลิตเพื่อการจำหน่ายเป็นอาชีพเสริมสำหรับผู้รักงานฝีมือแขนงนี้ได้เป็นอย่างดี
ลักษณะทั่วไป ดอกไม้ประดิษฐ์เอ่ยชื่อแค่นี้ก็ทำให้หลายคนนึกถึงดอกไม้ปลอมหลากหลายรูปแบบหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีผ้าใยบัวซึ่งยังเป็นวัสดุที่สามารถนำมาทำดอกไม้ได้สวยงาม ดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้าใยบัวเป็นดอกไม้ที่อ่อนช้อยสวยงามใกล้เคียงกับดอกไม้ธรรมชาติมากที่สุด และที่สำคัญดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้าใยบัวยังสามารถสร้างอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ให้กับกลุ่มแม่บ้านเป็นอย่างดี อุปกรณ์ที่ใช้ ผ้าใยบัวที่จะนำมาใช้ทำดอกไม้ จะผลิตมาสำหรับงานฝีมือโดยเฉพาะ มีความแตกต่างจากถุงน่อง คือ มีเนื้อผ้าหลายชนิดให้เลือกใช้ หลายสี สามารถเลือกได้ตาม ชอบใจ และมีหลากหลายราคาตามความเหมาะสม หลายรูปแบบตามความถนัด หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป



อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีไว้ใช้
- คีมตัดลวด
- คีมปากจิ้งจก
- ปากคีบ
- ท่อ PVC ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตามต้องการ
- กรรไกร
- ด้ายหลอด
- กาวลาเทกซ์
- ลวดสำหรับขึ้นโครง
- ลวดพันสำเร็จสีเขียวขนาดต่าง ๆ
- ลวดพันสำเร็จสีขาวหรือสีอื่น ๆ
- Flora Tape
- อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้สำหรับทำดอกไม้
- ผ้าใยบัวสีต่าง ๆ ตามชอบใจ
ขั้นตอนการประดิษฐ์
วัสดุอุปกรณ์
1.ผ้าที่มาจากวัตถุดิบคล้ายๆถุงน่องซึ่งมีหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีชมพู สีม่วงอ่อน สีเขียวสำหรับทำดอก สีเขียวเข้ม สำหรับทำใบ
2.ลวดพันก้านสีชมพู สีม่วงอ่อน สีเหลือง สีเขียวอ่อน
3.ฟลอร่าเทป สีเขียวเข้ม สีเหลือง
4.ด้าย
5.คีมตัดลวด คีมปากจิ้งจก กรรไกร เหล็กแหลม
6.ก้านสำเร็จรูป ขนาด 16X18 และ 7
7.เกสรตัวผู้ 5 ชิ้น เกสรตัวเมีย 1 ชิ้น ต่อ 1 ดอก
วิธีการทำ แบ่งออกเป็นกลีบดอก ดอกตูมและใบ เกสรการนำเกสรแต่ละเส้นมาพันฟลอร่าเทปสีเหลือง โดยการจัดให้เกสรตัวเมียตุ้มกระดูกอยู่ตรงกลางกลีบดอกนำลวดพันก้านสีชมพูยาว 12 นิ้ว จำนวน 1 เส้น มาจัดตามโครงโดยพันลวดยึดที่จุดกึ่งกลางส่วนบนของกลีบ 1 รอบ แล้วจับปลายลวดยึดพันกับก้านกลีบเก็บปลายลวดด้วยคีมปากจิ้งจก ส่วนปลายกลีบเก็บด้วยคีมปากจิ้งจก ตัดลวดผ่านปลาย ให้เท่ากันด้วยคีมตัดลวด แล้วหุ้มด้วยผ้าใยบัวสีชมพู ยึดเนื้อผ้าให้ตึง มัดให้แน่น แล้วตัดเศษผ้าให้เรียบร้อย เตรียมลักษณะดังกล่าวไว้ 6 กลีบต่อดอก (สีอื่นๆอาจทำได้ตามแบบสีชมพูความยาวอาจลดขนาดลงได้ตามต้องการ)
ดอกตูม
วิธีการทำคือการนำลวด สีชมพู 12 นิ้ว จำนวน 3 เส้น โดยการแยกไขว้กันกดกึ่งกลางลวดแล้วบิดให้แน่น 1 รอบ แยกลวดแต่ละเส้นแล้วรูดให้มีส่วนโค้งจัดให้ได้รูปทรงป่องตรงกลางรวมปลายลวดทั้งหมดจากนั้นหุ้มด้วยใยบัวสีชมพู มัดให้แน่นและเสียบก้านเสร็จพันด้วยเทปให้เรียบร้อย
อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีไว้ใช้
- คีมตัดลวด
- คีมปากจิ้งจก
- ปากคีบ
- ท่อ PVC ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตามต้องการ
- กรรไกร
- ด้ายหลอด
- กาวลาเทกซ์
- ลวดสำหรับขึ้นโครง
- ลวดพันสำเร็จสีเขียวขนาดต่าง ๆ
- ลวดพันสำเร็จสีขาวหรือสีอื่น ๆ
- Flora Tape
- อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้สำหรับทำดอกไม้
- ผ้าใยบัวสีต่าง ๆ ตามชอบใจ
ขั้นตอนการประดิษฐ์
วัสดุอุปกรณ์
1.ผ้าที่มาจากวัตถุดิบคล้ายๆถุงน่องซึ่งมีหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีชมพู สีม่วงอ่อน สีเขียวสำหรับทำดอก สีเขียวเข้ม สำหรับทำใบ
2.ลวดพันก้านสีชมพู สีม่วงอ่อน สีเหลือง สีเขียวอ่อน
3.ฟลอร่าเทป สีเขียวเข้ม สีเหลือง
4.ด้าย
5.คีมตัดลวด คีมปากจิ้งจก กรรไกร เหล็กแหลม
6.ก้านสำเร็จรูป ขนาด 16X18 และ 7
7.เกสรตัวผู้ 5 ชิ้น เกสรตัวเมีย 1 ชิ้น ต่อ 1 ดอก
วิธีการทำ
แบ่งออกเป็นกลีบดอก ดอกตูมและใบ เกสรการนำเกสรแต่ละเส้นมาพันฟลอร่าเทปสีเหลือง โดยการจัดให้เกสรตัวเมียตุ้มกระดูกอยู่ตรงกลางกลีบดอกนำลวดพันก้านสีชมพูยาว 12 นิ้ว จำนวน 1 เส้น มาจัดตามโครงโดยพันลวดยึดที่จุดกึ่งกลางส่วนบนของกลีบ 1 รอบ แล้วจับปลายลวดยึดพันกับก้านกลีบเก็บปลายลวดด้วยคีมปากจิ้งจก ส่วนปลายกลีบเก็บด้วยคีมปากจิ้งจก ตัดลวดผ่านปลาย ให้เท่ากันด้วยคีมตัดลวด แล้วหุ้มด้วยผ้าใยบัวสีชมพู ยึดเนื้อผ้าให้ตึง มัดให้แน่น แล้วตัดเศษผ้าให้เรียบร้อย เตรียมลักษณะดังกล่าวไว้ 6 กลีบต่อดอก (สีอื่นๆอาจทำได้ตามแบบสีชมพูความยาวอาจลดขนาดลงได้ตามต้องการ)
ดอกตูม
วิธีการทำคือการนำลวด สีชมพู 12 นิ้ว จำนวน 3 เส้น โดยการแยกไขว้กันกดกึ่งกลางลวดแล้วบิดให้แน่น 1 รอบ แยกลวดแต่ละเส้นแล้วรูดให้มีส่วนโค้งจัดให้ได้รูปทรงป่องตรงกลางรวมปลายลวดทั้งหมดจากนั้นหุ้มด้วยใยบัวสีชมพู มัดให้แน่นและเสียบก้านเสร็จพันด้วยเทปให้เรียบร้อย




ส่วนใบ
มีวิธีการทำ โดยการนำลวดสีเขียวยาว 12 นิ้ว 2 เส้น มาไขว้กันตรงจุดกึ่งกลาง ทำเหมือนดอกตูม รวมปลายทั้งสี่เส้นบิดรวมกันจัดให้เป็นรูปทรงใบไม้ หุ้มด้วยผ้าใยบัวสีเขียวดึงตึง มัดให้แน่น ตัดเศษลวดแล้วกั้นด้วยฟรอร่าเทปให้เรียบร้อยเตรียมไว้ 4 ใบ(หรือมากกว่านั้น)




การประกอบดอก แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน
1.นำเกสรตัวผู้ 5 ชิ้น เกสรตัวเมีย 1 ชิ้นมาพันด้วนฟอร่าเทปให้เกสรตัวเมียอยู่ตรงกลาง
2.กลีบดอกชั้นแรกมี 3 กลีบนำมามัดเรียงซ้อนกลีบให้เรียงกันเล็กน้อย และในชั้นที่2 ให้เตรียมอีก 3 กลีบมามัดเรียงสับหว่างมัดด้วยได้
3.ให้ดัดกลีบดอกและใบให้สวยงาม เพื่อนำไปจัดใส่แจกัน



ตัวอย่างวิธีการทำ
วิธีการทำดอกดาวกระจาย
วัสดุอุปกรณ์
1. ผ้าใยบัวสีต่าง ๆ ตามต้องการ
2. ใบสำเร็จ
3. ลวดขาว No.26
4. ลวดต้น
5. เกสรสำเร็จ
6. Flora Tape สีเขียว
7. ตุ้มสำลีทำดอกตูม
8. ภาชนะสำหรับจัด
9. ท่อ PVC ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 ซ . ม
วิธีการทำ



- นำลวดขาวมาพันกับท่อ PVC เก็บปลายให้เรียบร้อย ( รูปหมายเลข 1) จำนวน 8 กลีบ / ดอก



- ดัดลวดที่ปลายกลีบให้หยักพลิ้ว ( รูปหมายเลข 2) แล้วยืดกลีบให้ยาว ( รูปหมายเลข 3)



- หุ้มด้วยผ้าสีตามต้องการ


- นำเกสรสำเร็จ ตัดครึ่งมัดต่อ 1 ดอก มัดติดกับปลายลวดต้น นำกลีบทั้ง 8 มาเข้าโดยรอบเกสร
- ดัดกลีบให้เหมือนธรรมชาติ พัน Flora Tape สีเขียวก้านให้เรียบร้อย
- ติดใบสำเร็จ



- ตุ้มสำลีรูปทรงกลม หุ้มด้วยผ้าสีเดียวกันสีดอก ไว้สำหรับทำเป็นดอกตูม
- พัน Flora Tape สีเขียวก้านให้เรียบร้อย
- จัดลงภาชนะให้สวยงาม
- สำหรับดอกดาวกระจายนี้สามารถทำเป็นดอกแซมไว้จัดร่วมได้สวยงาม

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม

ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 1 

          - แป้งเค้ก 80 กรัม
          - ผงฟู 1/4 ช้อนชา
          - เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
          - กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา 
          - เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
          - ผงโกโก้ 25 กรัม
          - น้ำตาลทรายป่น 90 กรัม 

ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 2

          - น้ำ 50 กรัม
          - นมข้นจืด 25 กรัม
          - น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
          - น้ำมันพืช 65 กรัม
          - ไข่แดง 2 ฟอง

ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 3 

          - ไข่ขาว 2 ฟอง
          - น้ำตาลทราย 45 กรัม
                                                                             - ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ช้อนชา


วิธีทำตัวเค้ก 
  1. นำส่วนผสม 1 ได้แก่ แป้งเค้ก น้ำตาลทรายป่น ผงโกโก้ โซดา ผงฟู ร่อนร่วมกัน 2 ครั้งคะ ถ้าใช้วนิลลาแบบผงก็ร่อนรวมกันไปเลย แต่จุ๋มใช้แบบน้ำใส่ทีหลังคะ เกลือป่นจุ๋มใส่หลังจากร่อนของแห้งอื่น ๆ แล้วนะคะ เพราะมันค่อนข้างเม็ดใหญ่ แล้วเอาช้อนให้เข้ากัน ทำหลุมตรงกลางไว้
  2.นำส่วนผสมที่ 2 ได้แก่ น้ำเปล่า นมข้นจืด น้ำมันพืช ไข่แดง น้ำมะนาว ทุกอย่างข้างต้นใส่ชามผสม ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน จุ๋มใช้วานิลลาแบบน้ำ ใส่ไปในนี้เลย
 3.แล้วนำของเหลว ที่ผสมกันไว้เทใส่ชามผสมของแห้ง  แล้ว เอาตะกร้อมือคนแบบน้ำเซาะตลิ่งให้เข้ากัน หรือจะคนแบบแรง ๆ เร็ว ๆ ก็ได้คะ พอเข้ากันแล้วหยุดเลย ถ้าคนมากเนื้อเค้กที่ได้เหนียวแล้วพักไว้ก่อน
 4.มาถึงส่วนผสมที่ 3 ไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์ใส่ชามผสม ตีด้วยความเร็วสูงจนเป็นฟอง ใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปแล้วตีต่อด้วยความเร็วสูง จุ๋มใส่ทีละช้อนประมาณ 3 ครั้ง จนตั้งยอดอ่อนก่อนที่จะแข็ง แล้วหยุด
 5. นำส่วนของไข่ขาวไปผสมกับส่วนของไข่แดงที่เราผสมกันไว้เมื่อกี้ จุ๋มแบ่งผสม 2 ครั้งใช้ตะกร้อมือส่วนผสมจะเข้ากันง่ายกว่าไม้พายถ้าตีไข่ขาวตั้งยอดมากไป ผสมกว่าจะเข้ากันใช้เวลานาน ไม่ดี เนื้อเค้กก็จะหยาบแห้งด้วย ก็ผสมกันจนหมดพอผสมเข้ากันดีแล้วเทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เคาะก้นพิมพ์เบา ๆ ไล่ฟองอากาศออกไปนำเข้าเตาอบได้เลย
6.เค้กสุกนำออกมา กระแทกพิมพ์ให้โครงสร้างอยู่ตัว 1 ที รอเย็นนำออกจากพิมพ์ อันนี้แล้วแต่เทคนิค ใครชอบทำแบบไหนก็เลือกเอา บางคนถนัดที่จะเอาออกจากพิมพ์เลยตั้งแต่เอาเค้กออกมา แต่จุ๋มเปล่ารอเย็น คราวนี้มาทำหน้านิ่มกัน

ส่วนผสมหน้าเค้ก 

ส่วนที่ 1

          - ผงวุ้น 1 ช้อนชา
          - น้ำ 300 กรัม
          - นมข้นจืด 200 กรัม
          - น้ำตาลทราย 200 กรัม
          - โกโก้ 50 กรัม

ส่วนที่ 2 

          - แป้งข้าวโพด 40 กรัม
          - นมข้นจืด 150 กรัม 
ส่วนที่ 3 

          - เนยสด 150 กรัม
          - เหล้ารัม 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำหน้านิ่ม

    นำ น้ำ, น้ำตาลทราย, นมข้นจืดส่วนที่ 1 (200 กรัม), ผงโกโก้ และผงวุ้น ใส่หม้อรวมกันเลยเอาตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันก่อน ส่วนของ แป้งข้าวโพดและนมข้นจืดส่วนที่ 2 จุ๋มจับใส่ถุงรวมกันแล้วเขย่าๆ ให้เข้ากันดีนำไปตั้งไฟอ่อนๆ แต่ก็ไม่อ่อนเสียสีเดียว มากกว่าอ่อนหน่อย เอาตะกร้อมือคนตลอด ให้น้ำตาลทรายและผงวุ้นละลาคนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมเดือด  แล้วก็เทแป้งข้าวโพดที่ละลายรวมกับนมข้นจืดลงไป ก่อนเทเขย่าๆ อีกทีคะ ตอนนี้ต้องลดไฟลงอ่อนใช้ตะกร้อมือคนตลอด ส่วนผสมจะข้นขึ้น ห้ามหยุดมือ  ของจุ๋มข้นประมาณนี้ใส่เนยสดที่หั่นชิ้นเล็กลงไป ถ้าใส่รัมใส่ตอนนี้เลยคนให้เนยละลาย ปิดเตาเลย จากนั้นก็คนด้วยตะกร้อมือต่อให้หน้านิ่มอุ่น ห้ามหยุดคน มันจะ set ตัวเป็นลิ่มๆ หยอดแล้วไม่สวย
   เมื่อเค้กเย็นแล้วนำออกจากพิมพ์ slice เป็นกี่ชั้นตามต้องการ หาถุงจีบ ตัดด้านหน้าออกมา ถุงจีบจะมี 4 ด้าน เป็นด้านหน้าและด้านหลัง 2 ด้าน ด้านข้าง 2 ด้าน กรณีไม่มีถุงจีบก็ใช้แผ่นใสแทนก็ได้ค่ะ มาตัดให้ได้ความสูงสัก 3 นิ้วได้มัง ส่วนด้านความยาวให้พันรอบเค้กได้ เอาสก๊อตเทป stap ให้ต่อกัน จุ๋มใช้ถุงจีบ เอาเค้กชั้นล่างวางลงไป เอาถุงจีบที่ตัดไว้พันรอบ ติดสก๊อตเทปให้มันอยู่เป็นทรงกระบอก
แบ่งหน้านิ่มตักใส่ไปค่ะ เท่าไรก็ใส่ไป แต่ดูให้มันสมดุลแล้วกันหน้านิ่มนี่ต้องคอยคนตลอด ห้ามหยุด หยุดแล้วมันจะเป็นลิ่มๆ  แล้วก็จับเค้กเอียงๆ ให้หน้านิ่มไหล แล้วก็กระแทกๆ ให้หมดฟองอากาศ หรือใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มก็ได้ ทิ้งเวลาไว้ให้หน้านิ่มเซ็ทตัวนิดหน่อย เอานิ้วสัมผัสดูหน้ามันจะตึงๆ
 พอหน้านิ่มด้านล่างตึงๆ แล้วเอาเค้กชั้นต่อมาวางลงไป แล้วก็ทำเหมือนเดิมเหมือนเมื่อกี้ คราวนี้ไว้กว่าหน้านิ่มจะเซ็ทตัวทั้งหมด 
จุ๋มไม่ได้จับเวลาค่ะ หันไปทำโน่นทำนี่ พอหน้านิ่มเซ็ทตัวแล้วก็แกะพลาสติกที่หุ้มไว้ออก หน้านิ่มที่เหลือจะข้นขึ้น เพราะมันเย็นแล้ว ก็เอาสปาตูลาร์หน้านิ่มด้านข้างเค้กเลยคะ แล้วเก็บรายละเอียดให้สวยงาม ทำแบบนี้ไม่ต้องเสียดายหน้านิ่มที่หกไปด้านล่างด้วยคะ พลาสติกที่ใช้งานแล้วก็ล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง เก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปได้นะคะ ตัดแบ่งเป็นชิ้นตามต้องการ


วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของช็อกโกแลต



ประโยชน์ของช็อกโกแลต

    1.ป้องกันการเกิดมะเร็ง

     เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลตเป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดง

    2. ให้ช่วยคลายเครียด

    ช็อกโกแลตมีสารกระตุ้นระบบประสาท ทำให้สมองผ่อนคลาย และยังมีเซโรโทนินซึ่งเป็นสารสร้างความสุข ทำให้อารมณ์ดี ยิ่งกินยิ่งHappy

    3.ช่วยปรับอารมณ์ และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติ

    เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย ฉะนั้นช็อกโกแลตจึงถือได้ว่าเป็นขนมหวานอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิงเลย ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือนอย่างได้ผล

    4.ช่วยแก้อาการเมาค้าง

     ช็อกโกแลตช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย

    5.ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ

     เพราะในตัวช็อกโกแลตนั้นมีสารที่ชื่อว่าฟีโนลิคอยู่ในปริมาณสูงซึ่งฟีโนลิคเป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระป้องการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดงและที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วย

    6.ช่วยลดอาการอักเสบ

    ช็อกโกแลตช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วย

    7.ไม่มีผลต่อระดับคอเรสเตอรอล

    มีไขมันอิ่มตัว ปกติไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันร้าย ที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย ทำให้ระดับคอเรสเตอรอลในเลือดสูง แต่ยกเว้นไขมันใชช็อกโกแลต ถึงแม้จะเป็นไขมันอิ่มตัวเหมือนกัน แต่นักวิจัยยืนยันว่า....ไม่มีผลต่อระดับคอเรสเตอรอลเลย

    8.ช็อกโกแลตเป็นมิตรกับฟัน

    แม้ว่าของหวานจะเป็นตัวการทำให้ฟันผุ แต่สำหรับช็อกโกแลตนั้น เป็นข้อยกเว้น เพราะช็อกโกแลต ละลายได้ในน้ำลาย จึงไม่เหลือคราบติดที่ฟัน และยังมีกรดแทนนินซึ้งช่วยยับยั้ง การเกิดแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุด้วย

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

แผ่นดินไหวในเฮติ พ.ศ. 2553

แผ่นดินไหวในเฮติ พ.ศ. 2553 เป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหว ซึ่งมีความรุนแรง 7.0 ตามมาตราขนาดโมเมนต์ โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศเฮติ ไปราว 25 กิโลเมตร แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16:53 น. ตามเวลาท้องถิ่น (21:53 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด) ของวันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553 หรือตรงกับเวลา 04.53 นาฬิกา ในเช้าวันพุธที่ 13 มกราคม ตามเวลาประเทศไทย จนถึงวันที่ 24 มกราคม ได้บันทึกว่าเกิดอาฟเตอร์ช็อกซึ่งวัดขนาดความรุนแรงได้กว่า 4.5 หรือมากกว่า เมือ่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ได้มีการประมาณว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวมากกว่า 3 ล้านคน; รัฐบาลเฮติรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่าง 217,000 และ 230,000 คน ประมาณการผู้ได้รับบาดเจ็บ 300,000 คน และอีก 1,000,000 ไม่มีที่อยู่อาศัย โดยยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลยังประมาณว่ามีบ้านเรือน 250,000 หลัง และอาคารพาณิชย์อีกกว่า 30,000 หลัง พังทลายหรือเสียหายอย่างหนัก
หลายประเทศได้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติด้วยการส่งความช่วยเหลือ ทางมนุษยธรรม รับประกันที่จะส่งเงินสนับสนุนและส่งทีมกู้ภัยและทีมแพทย์ วิศวกร และพนักงานช่วยเหลือ ระบบการสื่สาร สิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ โรงพยาบาล และเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ซึ่งขัดขวางความพยายามช่วยชีวิตและให้การสนับสนุน; ความสับสนที่ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ ความคับคั่งของการจราจรทางอากาศ และปัญหาเกี่ยวกับการลำดับก่อนหลังของเที่ยวบิน ยิ่งทำให้การช่วยเหลือในช่วงแรกยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อวันที่ 22 มกราคม สหประชาชาติได้หมายเหตุว่าช่วงเวลาฉุกเฉินของปฏิบัติการกู้ภัยใกล้จะหมดลงแล้ว และในวันต่อมา รัฐบาลเฮติประกาศยกเลิกการค้นหาผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม
ประเทศเฮติตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกแคริบเบียน และแผ่นอเมริกาเหนือ แต่แผ่นดินไหวในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกเหล่านี้ แต่เกิดจากรอยเลื่อน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนักโดยเฉพาะเมืองหลวง กรุงปอร์โตแปรงซ์ สาเหตุเป็นเพราะว่าเมืองตั้งอยู่ในบริเวณอ่าว ซึ่งดินบริเวณอ่าวจะเป็นดินอ่อนมีลักษณะเป็นโคลนชุ่มด้วยน้ำ (เช่นเดียวกับในกรุงเทพมหานคร) ซึ่งสามารถขยายแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวให้รุนแรงขึ้นได้

ความเสียหาย

แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เช่น อาคารบ้านเรือนพังพินาศจำนวนมากรวมทั้งทำเนียบประธานาธิบดี, อาคารรัฐสภา, กระทรวงการคลัง, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงวัฒนธรรม, สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ, อาคารสถานทูต, โรงเรียน, โรงแรมและโรงพยาบาล ที่พังถล่มลงมาทับผู้คน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เสียหายอย่างหนัก โดยนายปัน กีมุน เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า "แผ่นดินไหวที่เฮติถือเป็นหายนะครั้งรุนแรงที่สุดเท่าที่องค์กรนานาชาติเคยประสบมา"
กระทรวงกิจการภายในของเฮติออกแถลงการณ์ว่า ได้รับคำยืนยันมีผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเป็นจำนวนกว่า 110,000 คนแล้ว โดยตัวเลขล่าสุดจำนวนผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 12 ม.ค.เป็นต้นมา คือ 111,499 คน
ตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากที่เคยประเมินไว้ว่ามีอย่างน้อย 500,000 คน ส่วนผู้บาดเจ็บจากแผ่นดินไหวมี 193,891 คน และอีกกว่า 609,000 คน ต้องอาศัยอยู่ในค่ายพักชั่วคราว 500 แห่ง เจ้าหน้าที่เฮติแสดงความวิตกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจทะลุ 200,000 คน

น้ำแร่มีประโยชน์อย่างไร?

"น้ำแร่" คือน้ำที่มีสารบางอย่างละลายอยู่เป็นพิเศษเช่น เหล็กสังกะสี กำมะถัน ฯลฯซึ่งไม่ปรากฏว่าละลายอยู่ในน้ำธรรมชาติชนิอื่น ในเมืองไทยมีบ่อน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง เช่นที่จังหวัดกาญจนบุรีสุราษฏร์ธานี ระนอง เป็นต้น สำหรับน้ำแร่บรรจุขวดที่ขายในเมืองไทยส่วนมากสั่งมาจากประเทศฝรั่งเศสและเบล เยี่ยม

แหล่งน้ำแร่แต่ละชนิดจะมีแร่ธาตุต่างกัน  ประโยชน์ของน้ำแร่จึงอยู่ที่แร่ธาตุแต่ละชนิดที่มีอยู่ในน้ำนั้น เช่น

น้ำแร่ที่มีเกลือซัลเฟตของโซเดียมหรือแมกนีเซียม  จะเป็นยาระบายช่วยขับถ่าย
น้ำแร่ที่มีฟลูออไรด์เป็นองค์ประกอบ มีประโยชน์ในการป้องกันฟันผุ

น้ำแร่ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ซึ่งมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นองค์ประกอบ จะช่วยขับปัสสาวะ นอกจากนั้นยังทำให้นำมีรสชวนดื่มอีกด้วย

น้ำ แร่ที่เป็นด่างมีเกลือไบคาร์บอเนตอาจช่วยลดกรดในกระเพาะน้ำแร่บริสุทธิ์ต้อง มีส่วนประกอบและคุณสมบัติของน้ำแร่คงเดิมเท่าที่มีอยู่ในธรรมชาติไม่มีการปน เปื้อนหรือปรุงแต่งด้วย สารเคมีใด ๆเพราะน้ำแร่ในธรรมชาติเองมีความสะอาด ผ่านการกรองจากชั้นดินต่าง ๆมาอย่างดี เวลานำน้ำแร่บรรจุขวดจำหน่ายเพียงแต่นำมาผ่านการฆ่าเชื้อโรคพวกเชื้อ แบคทีเรีย และจุลินทรีย์แล้วนำไปผ่านเครื่องกรอง จากนั้นจึงตรวจสอบคุณภาพให้ได้มาตรฐาน คือต้องไม่มีแร่ธาตุเกินอัตราส่วนที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย

อย่าง ไรก็ตาม น้ำแร่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่ยังเป็นปัญหาโต้แย้งกันอยู่นักวิทยา ศาสตร์จากหลายประเทศในยุโรปเชื่อกันว่า น้ำแร่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแต่ก็เป็นความเชื่อที่ขาดหลักฐานการทดลองทางการ แพทย์และทางวิทยาศาสตร์

การออกำลังกายมีข้อดีอย่างไร

 
1. ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง
          สมองก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่มีการเสื่อมลงตามวัย แต่การออกกำลังกายช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้ ทำให้สามารถคิดและจดจำได้ดีกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายนอกจากนี้การออกกำลัง เป็นประจำ ยังทำให้ดูกระฉับกระเฉง มีสมาธิในการเรียนรู้ได้ดีกว่า
          2. ทำให้กระดูกแข็งแรงหนาขึ้น

          การกินแคลเซียมเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ควรอออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง
          3. ทำให้ผิวสวย

          การออกกำลังกายจะช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายได้มากขึ้น ยิ่งร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้มากขึ้นเท่านั้น จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น
          4. ลดความเครียด

          การออกกำลังกาย ช่วยลดความวิตกกังวล ผ่อนคลายความเครียดได้ เนื่องจากในระหว่างการออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์หรือสารแห่งความสุข ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น นอกจากนี้การที่ร่างกายได้เคลื่อนไหว จิตใจก็ได้เคลื่อนไหวไปด้วย   ทำให้ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่กังวลอยู่ ส่วนการออกกำลังกายแต่ละชนิด มีผลต่อสมองต่างกันการออกกำลังกายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการทำสมาธิ เช่น โยคะ หรือไทเก๊ก จะช่วยผ่อนคลายความเครียดในสมองได้มากกว่า การออกกำลังกายประเภทที่ต้องออกแรงมากๆ
          5. ช่วยผ่อนคลายภาวะการปวดประจำเดือน

          วิธีธรรมชาติที่ช่วยรักษาอาการปวดท้องเมนได้ดีที่สุด คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ว่ายน้ำ หรือแอโรบิค ถ้าไม่มีเวลาก็ออกกำลังง่าย ๆ ด้วย การซิท-อัพตอนเช้าก็ได้ ยิ่งใกล้รอบเดือน ก็ยิ่งควรซิท-อัพไว้ล่วงหน้า เพราะจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นและช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณมดลูกมี ความยืดหยุ่นทำงานได้ดีขึ้น
          6. ลดอาการท้องผูก

          การออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็ว ๆ การวิ่งเหยาะ การว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ระบบขับถ่ายได้ระบายของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย
มากขึ้น
          7. ทำให้หลับง่ายขึ้น

          การออกกำลังกายในช่วงเย็น ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการออกกำลังกายมีผลโดยตรงกับระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
          8. ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง

          การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนแข็งแรง ทำให้หุ่นกระชับสมส่วน

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

กิน อิ่มแบบไหนจะไม่อ้วน




เพิ่งจะเลี้ยงฉลองปีใหม่ ผ่านไป เผลอแป๊บเดียว อ้าว! ตรุษจีนมาเยือนอีกแล้ว ทั้งสองเทศกาลต่างก็นำพาความสุขมาสู่หมู่ชน โดยเฉพาะคนชอบชิม ชอบกินอาหารอร่อยเลิศรสต่างก็อดใจไม่ไหว แม้ในใจอาจจะกังวลอยู่นิดๆ ว่ากินมากไปแล้วจะอ้วน
     แต่ไม่ต้องห่วง เรามีเคล็ดลับอิ่มไม่อ้วนสวนกระแสเทศกาลงานเลี้ยงต่างๆ มาฝากกัน
     ข้อ1 กินโปรตีนเยอะได้ แต่ไขมันต้องน้อย เพราะโปรตีนจะทำให้รู้สึกอิ่มนาน อย่างเนื้อไก่ก็ต้องเอาหนังออก ส่วนอาหารพวกแป้งและไข-มันให้กินได้แต่ต้องน้อยถึงน้อยที่สุด
     ข้อ2 กินผักผลไม้ให้ หลากหลาย อันนี้ไม่ได้บอกให้กินแต่ผัก แต่มีคำแนะนำว่าให้กินผักและผลไม้หลายชนิดคละกันไปพร้อมอาหาร
     ข้อ3 ตักอาหารทีละน้อย อย่าตักจนล้นจานแล้วเสียดายทีหลัง
     ข้อ4 เริ่มต้นกินอาหารน้ำๆ ก่อน เพื่อให้กระเพาะรับอาหารหนักๆ ได้น้อยลง จะทำให้รู้สึกอิ่มและได้อรรถรสในการกินไปพร้อมกันโดยไม่ต้องกินมาก
     ข้อ5 ควรพักยกระหว่างรับประทาน อย่าได้ใช้เวลากินติดกันนานรวดเดียว แต่เมื่อรู้สึกอิ่มแล้วให้รีบลุกจากโต๊ะแล้วชวนกันไปคุยที่อื่น ถ้าหิวแล้วค่อยกลับมาเริ่มใหม่ได้อีก
     ข้อ6 ถ้าเป็นงานเลี้ยงแบบที่เอาอาหารไปด้วย ควรนำอาหารไขมันต่ำติดตัวไป
     ข้อ7 ให้เพลาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง แม้การเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานเลี้ยงจะเป็นเรื่องยาก แต่ให้ท่องไว้ว่าไวน์หรือเบียร์หนึ่งแก้วใหญ่ ให้พลังงาน 200 แคลอรี ดังนั้นยิ่งดื่มมากยิ่งเพิ่มแคลอรีใส่ตัวมากขึ้น
     ข้อ8 กินแล้วต้องออกกำลังกาย เรื่องนี้สำคัญมากขาดไม่ได้ โดยอาจหารูปแบบการออกกำลังกายแบบง่ายๆ ในบ้าน เช่น หยอกล้อเล่นกับเด็ก หรือวิ่งไล่จับกันในบ้านก็เป็นการออกกำลังกายที่มีงานวิจัยรับรองว่าได้ผลดี เช่นกัน
     ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับที่นำมาจากจดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับสร้างสุข เดือนมกราคม 2552 ของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ด้วยหวังว่าจะทำให้อิ่มและไม่อ้วนสวนกระแสเทศกาลกันได้อย่างสบายใจ.

สมุนไพรแก้มะเร็ง

ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Rhinacanthus nasutus  (L.) Kurz
ชื่อพ้อง : R. communis  Nees
ชื่อสามัญ   White crane flower
วงศ์  ACANTHACEAE
ชื่ออื่น :  ทองคันชั่ง หญ้ามันไก่ (ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 1-2 เมตร กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม ส่วนโคนต้นเนื้อไม้เป็นแกนแข็ง ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกัน รูปไข่ กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. ปลายใบแหลมเรียว โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวอ่อน ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกสีขาว กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 2 ปาก ปากล่างมีจุดประสีม่วงแดง ผล เป็นฝักเล็ก พอแห้งแตกออกได้
ส่วนที่ใช้ :
ราก  ทั้งต้น  ต้น  ใบ
สรรพคุณ :
  • ราก - แก้กลากเกลื้อน รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคผิวหนัง ดับพิษไข้ แก้พิษงู แก้พยาธิวงแหวนตาผิวหนัง
  • ทั้งต้น - รักษาโรคผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสีย แก้กลากเกลื้อน ผื่นคัน รักษามะเร็ง คุดทะราด ขับพยาธิตามผิวหนัง ตามบาดแผล แก้ไส้เลื่อน ไส้ลาม แก้ปัสสาวะผิดปกติ
  • ต้น - บำรุงร่างกาย แก้โรค 108 ประการ รักษาโรคผมร่วง
  • ใบ - ดับพิษไข้ แก้กลากเกลื้อน ผื่นคัน แก้โรคไขข้ออักเสบ รักษาโรคผิวหนัง รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคความดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง บำรุงร่างกาย แก้โรค 108 ประการ แก้ปวดฝี แก้พิษงู ถอนพิษ แก้อักเสบ แก้โรคมุตกิต รักษาโรคพยาธิวงแหวนตามผิวหนัง
    นอกจากนี้ยังใช้ผสมในตำรับยาร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ รักษาโรคต่อไปนี้คือ
  • ราก - รักษามะเร็งเนื้องอก รักษามะเร็งปอด กระเพาะลำไส้ มะเร็งตามร่างกาย ทำให้ผมดกดำ แก้ไอเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด แก้ริดสีดวงทวาร ดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง แก้กระษัย แก้ผมหงอก ผมร่วง รักษาโรคตับพิการ รักษาโรครูมาติซึม รักษาโรคไขข้อพิการ แก้ลมเข้าข้อทำให้ปวดบวมต่างๆ ขับปัสสาวะ แก้แมงเคียนกินรากผม แก้เหา แก้รังแค
  • ทั้งต้น  - รักษาโรคผิวหนัง คุดทะราด แก้เม็ดผื่นคัน
  • ต้น - รักษามะเร็งเนื้องอก รักษามะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะ มะเร็งตามร่างกาย มะเร็งลำไส้ แก้แมงเคียนกินรากผม แก้เหา แก้รังแค รักษาโรคผิวหนัง
  • ใบ - แก้แมงเคียนกินรากผม แก้เหา แก้รังแค รักษาโรคผิวหนัง แก้ไข้ แก้ปวดหัวตัวร้อน แก้มะเร็งไช แก้หิดมะตอย รักษาโรคมะเร็ง รักษาวัณโรค แก้ใจระส่ำระสาย แก้คลุ้มคลั่ง แก้สารพัดพิษ
    นอกจากนี้ในตำราบางเล่ม ยังได้กล่าวถึงสรรพคุณทองพันชั่ง โดยไม่ได้ระบุว่าใช้ส่วนใดของพืช หรือส่วนใดในตำรายาร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ ดังต่อไปนี้คือ
    - รักษาโรคความดันโลหิตสูง รักษาโรคมะเร็ง แก้มุตกิตระดูขาว เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ผมร่วง รักษาโรคนิ่ว
    - แก้เคล็ดขัดยอกชายโครง มือเคล็ด คอเคล็ด แก้มะเร็งในกระเพาะ แก้ฝีประคำร้อย แก้มะเร็งในคอ แก้มะเร็งในปาก แก้ไข้เหนือ แก้จุกเสียด เป็นยาหยอดตา แก้ไอเป็นเลือด แก้ช้ำใน แก้นิ่ว แก้โรคผิวหนัง แก้ลมสาร แก้มะเร็งในปอด แก้มะเร็งภายในและภายนอก
                                                                                  วิธีและปริมาณที่ใช้ :
  • ใช้รับประทานเป็นยาภายใน รักษาโรคมะเร็ง และวัณโรคระยะเริ่มแรก
    1. ใช้ทั้งต้น สด จำนวน 30 กรัม ต้มกับน้ำ จำนวนท่วมใบยา ต้มดื่มต่างน้ำ
    2. ใช้ก้านและใบสด 30 กรัม (แห้ง 10-15 กรัม) ผสมน้ำตาลกรวดต้มน้ำดื่ม รักษาโรคปอดระยะเริ่มแรก
  • ใช้เป็นยาภายนอก แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อนและผื่นคันอื่นๆ
    1. ใช้ใบสด 5-8 ใบ หรือ รากสด 2-3 ราก
    ใบสดตำให้ละเอียด เติมเหล้าโรงเล็กน้อย ทาบริเวณที่เป็นเกลื้อน หรือเอารากมาป่น แช่เหล้าไว้ 1 สัปดาห์ กรองเอาน้ำยาที่แช่มาทา ทาบ่อยๆ จนกว่าจะหาย
    2. ใช้ใบสดตำผสมน้ำมันดิบ หรือ แอลกอฮอล์ 75% ทาบริเวณที่เป็น

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

เกิดแผ่นดินไหวในลาว ห่างจากไทย 55 กิโลเมตร

กรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ  ประกาศเรื่องการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.7 ริกเตอร์ในประเทศลาว เมื่อเวลา  22.53 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554    โดยศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวอยู่  ห่างจาก อ.แม่จริม จ. น่านระยะทาง 55  กิโลเมตร  ซึ่งคาดว่าจะไม่มี ผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย  
คาดว่าจุดที่เกิดแผ่นดินไหว เกิดขึ้นบริเวณเทือกเขาแขวงไซยะบุลี ซึ่งเป็นแขวงที่มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัด น่าน เลย อุตรดิตถ์ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นเทือกเขาสูง คล้ายจังหวัดน่าน ไม่ค่อยมีประชากรอาศัยอยู่ ทั้งนี้เมืองเงิน เมืองหงสา แขวงไซยะบุลี กลุ่มบ้านปูของไทยได้เข้าทำเหมืองลิกไนต์ด้วย จึงไม่แน่ใจว่าได้รับผลกระทบหรือไม่
ขณะ ที่ในทวิตเตอร์ มีผู้ใช้บริการในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี  เลย และหนองคาย   ทวิตข้อความว่าสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะทือนจากแผ่นดินไหว 

ฝน ถล่มนครศรีธรรมราชเส้นทางจราจรมุ่งหน้าสุราษฎร์ธานีเป็นอัมพาตเจ้าหน้าที่ ยังอพยพคนหนีภัยอย่างต่อเนื่อง ส่วนพระธุดงค์ที่ถูกดินโคลนทับขณะนี้พบศพแล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ในรีสอร์ท 60 คนปลอดภัยดี

ที่ จ.นครศรีธรรมราช ความคืบหน้าเหตุการณ์อุทกภัยที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสภาวะฝนตกอย่างหนักต่อเนื่อง ปริมาณน้ำได้ไหลหลากส่งผลกระทบต่อการจราจรโดยเฉพาะเส้นทางสายนครศรี ธรรมราช-สุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะในเขต อ.สิชล และ อ.ท่าศาลาพบรถยนต์ถูกน้ำซัดตกถนนในบริเวณ อ.สิชลหลายคัน


ส่งผลให้ขณะ นี้ต้องปิดการจราจรเนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงไม่สามารถใช้การได้ และถนนสายนครศรีธรรมราช-ทุ่งสง ได้อยู่ในลักษณะเดียวกันเนื่องจากระดับน้ำได้ไหลบ่าผ่านถนนรถไม่สามารถใช้ การได้ทุกชนิด ขณะเดียวกันยังมีรายงานของสะพานบนนถนนสายหลักขาดหลายจุดด้วยกันในอำเภอท่า ศาลาและอำเภอนบพิตำ



นาย ธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเปิดเผยว่าขณะนี้ได้ประกาศเขตพื้นที่ภัย พิบัติครอบคลุม 16 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช แล้ว โดยในเบื้องต้นนั้นแต่ละอำเภอนายอำเภอจะมีอำนาจสั่งจ่ายเงินฉุกเฉินได้อำเภอ ละ 1 ล้านบาท และหากมีกรณีเกินกำลังอำเภอที่จะรับได้ หรือมีการใช้งบประมาณจนหมดแล้วสามารถมาขออนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดได้ อีก เนื่องจากในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดจะมีงบประมาณอีก 10 ล้านบาท
นาย คเณศวร์ คงหอม รักษาการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในการช่วยเหลือขณะนี้ได้รับการสนับสนุนจาก กก.ตชด.42 มีกำลังพลพร้อมเรือท้องแบน อบจ.นครศรีธรรมราช สนับสนุนเครื่องจักร ปภ.เขตจัดส่งเรือท้องแบนอีก 16 ลำ

และในส่วนของ ปภ.จังหวัดได้กระจายเรือออกไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านรวม 38 ลำ ในการอพยพผู้คนจากพื้นที่ต่าง ๆ ที่ประสบภัยพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ อ.ท่าศาลา และ อ.นบพิตำ มีคอสะพานขาดขณะนี้แขวงการทางกำลังเร่งกู้สถานการณ์อย่างเร่งด่วน ทั้งสองอำเภอดูเหมือนว่าจะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.นบพิตำ มีนักท่องเที่ยวราว 60 คนติดค้างอยู่ในรีสอร์ทหนำไพรวัลย์ ทราบว่าทั้งหมดปลอดภัย แต่ยังเดินทางออกมาไม่ได้ และมีอาหารการกินเรียบร้อยจึงไม่น่าห่วงมากนัก ส่วนอื่น ๆ นั้นกำลังเร่งค้นหาช่วยเหลือตามชุมชนต่าง ๆ ร่วมกับ อปท.ในพื้นที่


นอก จากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าการค้นหาพระธุดงค์ที่มรณภาพในพื้นที่ บ้านในเพลา ม.8 ต.ขนอม อ.ขนอม ได้พบแล้วทั้ง 2 ศพ โดยศพแรกคือพระภัทราพร จีรวรา อายุ 50 ปี และพระอภิชาต อคธัมโม (คุ้มประดิษฐ์) ไม่ทราบอายุ มีภูมิลำเนา กทม.และสระบุรี ได้เดินธุดงค์มาปักกลดในบริเวณร่องทางไหลของหินและโคลนพอดี โดยรายหลังนั้นพบว่าถูกกระแสโคลนดินลากไปกว่า 100 เมตร